ตลอด29 ปีนี่คือซีซั่นแรกที่”รอนนี่”ไม่มีแชมป์

บรรดาแฟนคลับของ “เดอะร็อกเก็ต” รอนนี่ โอซัลลิแวน นักสอยคิวมือ 2 ของโลกชาวอังกฤษ ต้องผิดหวังไปตามๆกัน เมื่อนักสนุกเกอร์ซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลกรายนี้ ต้องตกเพียงรอบ 16 คนสุดท้ายเท่านั้น ในศึกสอยคิวชิงแชมป์โลก 2021 ณ สังเวียนครรูซิเบิลเธียร์เตอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา

หลังจากแพ้ “เดอะกลาสโกว์กลาดิเอเตอร์” แอนโธนี่ แม็คกิลล์ มือ 16 ของโลกจากสกอตแลนด์ไปอย่างฉิวเฉียด 12-13 เฟรม ยุติเส้นทางการป้องกันแชมป์โลกไว้เพียงในรอบนี้

อีกทั้ง ยังพลาดโอกาสสำคัญ ที่จะทำสถิติคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 7 เพื่อให้เทียบเท่ากับ “มัจจุราชผมทอง” สตีเฟ่น เฮนดรี้ ตำนานสอยคิวชาวสกอต ที่ครองสถิติคว้าแชมป์โลกมากที่สุด 7 สมัย มาตั้งแต่ปี 1999 อีกด้วย

แมตช์นี้ นับเป็นหนึ่งในแมตช์คลาสสิคเลยทีเดียว สถานการณ์พลิกไปพลิกมา โดยในเซสชั่นแรก เสมอกัน 4-4 ก่อนที่ในเซสชั่นที่ 2 แม็คกิลล์ จะระเบิดฟอร์ม จนพลิกกลับมาขึ้นนำ 10-6 เฟรม

ส่วนในเซสชั่นสุดท้าย รอนนี่ งัดฟอร์มเก่งกลับมาอย่างเหลือเชื่อ จนพลิกกลับมานำ 11-10 เฟรม แถมขึ้นแท่นนำก่อน 12-11 เฟรมอย่างเหลือเชื่อ

ทว่าในเฟรมที่ 12 แม็คกิลล์ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝา ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สู้แบบสุนัขจนตรอก จนกดเซ็นจูรี่เบรก 136 แต้ม ตีเสมอ 12-12 เฟรมได้อย่างเกินคาด ทั้งๆที่ในเวลานั้น โมเมนตั้มเกมตกไปอยู่กับฝั่ง “เดอะร็อกเก็ต” แล้ว จึงทำให้แมตช์นี้ ต้องสู้กันถึงฎีกาในเฟรมตัดสิน

ในเฟรมสุดท้าย รอนนี่ เป็นฝ่ายชิงจังหวะเข้าเบรกได้ก่อน และทำท่าว่าจะปิดแมตช์ กับการเข้าเบรกในไม้นี้ได้อยู่แล้ว ทว่ากลับบังคับขาวไปกินน้ำเงินเบาเกินไป ขาวไม่เลยครึ่งโต๊ะ จึงบังคับกลับมากินแดงที่อยู่ด้านบนไม่ได้ ก่อนจะแก้ไข ด้วยการสกรูเอาขาวไปสอดข้างชิ่งเพื่อกินแดงลูกเดียวที่อยู่ด้านล่าง

แต่ตำแหน่งขาวกลับไม่เป็นใจ เล่นแดงลูกดังกล่าวไม่ได้ ต้องแก้ไขด้วยการตบแดงหลุมยาว ก่อนที่เขาจะพลาด และเปิดโอกาสให้ แอนโธนี่ แม็คกิลล์ กวาดหมดโต๊ะ พลิกกลับมาชนะไปในที่สุด 13-12 เฟรม นับเป็นครั้งแรกเลยทีเดียวที่นักสอยคิวจากแดนวิสกี้ คว้าชัยเหนือ รอนนี่ หลังจากก่อนหน้านี้แพ้รวดทั้ง 6 ครั้งที่พบกัน

อย่างไรก็ตาม การตกรอบ 16 คนสุดท้ายในครั้งนี้ ทำให้ รอนนี่ ที่ปัจจุบันอยู่ในวัย 45 ย่าง 46 รับเงินรางวัลปลอบใจ 30,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,300,000 บาท และยังได้รับคะแนนสะสมเพิ่มอีก 30,000 คะแนนอีกด้วย

การหลุดจากวงโคจรคว้าแชมป์โลก นอกจากจะทำให้ “เดอะร็อกเก็ต” ชวดโอกาสคั่วแชมป์โลกสมัยที่ 7 แล้ว ยังถือเป็นฤดูกาลแรกในรอบ 29 ปี ที่เขาจบฤดูกาลด้วยการไม่มีแชมป์ติดมืออีกด้วย

นับตั้งแต่เทิร์นโปรเล่นอาชีพเมื่อปี 1992 ตั้งแต่ฤดูกาล 1992-1993 เขามีแชมป์ติดมือมาโดยตลอดทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นแชมป์รายการประเภทเวิลด์แรงค์กิ้ง ที่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลก, แชมป์รายการประเภท non-ranking ที่ไม่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลก, แชมป์รายการระดับ minor ranking รวมไปถึงแชมป์รายการพิเศษที่ถูกเชิญให้ร่วมดวลคิว

เรียกได้ว่า ตลอด 28 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาไม่เคยจบฤดูกาลโดยปราศจากโทรฟี่แชมป์เลย พูดง่ายๆก็คือ ไม่ว่าฤดูกาลนั้นจะฟอร์มตกแค่ไหน หรือไม่ค่อยลงแข่ง อย่างน้อยก็ต้องมีฤดูกาลละ 1 แชมป์

โดยแชมป์แรกของเขานับตั้งแต่เทิร์นโปรเล่นอาชีพ เกิดขึ้นที่เมืองไทยในรายการเนสกาแฟ เอ็กส์ตร้า ชาลเลนจ์ เมื่อเดือนมกราคมปี 1993 ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งอายุได้เพียง 17 ขวบหมาดๆ

ส่วนในฤดูกาล 2012-2013 ที่ รอนนี่ เกิดอาการเบื่อสนุกเกอร์จึงไม่ลงแข่งขันแม้แต่รายการเดียว ยกเว้นศึกชิงแชมป์โลก 2013 ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายของซีซั่น ปรากฏว่าเขากลับมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 5 อย่างเหลือเชื่อ ทั้งๆที่ร้างสนามไปนานถึง 1 ปีเต็ม การไร้โทรฟี่แชมป์ในซีซั่นนี้ นับว่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขามีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ถึง 5 ครั้ง หลังจากเข้าชิงถึง 5 รายการ